กลับบ้าน

0觀看次
A- A+

อาจารย์เหม่ยหยุนเรียกข้าพเจ้าว่า “ทีมงานของครอบครัวเรา” และข้าพเจ้าถือว่าชมรมอ่านหนังสือออนไลน์แห่งเมืองเกาสงเป็น “บ้าน” ของข้าพเจ้า ทุกครั้งที่มีการเผยแพร่หนังสือเล่มใหม่จะต้องรายงานไปที่สำนักสงฆ์จิงซือ และข้าพเจ้าต้องได้รับพระพรอย่างเต็มเปี่ยมจากครอบครัวแห่งเกาสงด้วย

ณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ เดิมทีวางแผนไว้ว่าจะเล่าและแบ่งปันเนื้อหาในหนังสือเล่มใหม่ร่วมกันกับรุ่นพี่จี้เฉ่อและรุ่นพี่สือฉี (จงยินดีที่จะชนะใจตัวเอง) อย่างไรก็ตามพระอาจารย์เจิ้งแหยนได้สละเวลา 10 นาที เพื่อให้เราได้แบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับ “โรคภัยไข้เจ็บ”  ทำให้เราได้ข้อคิดที่ว่า เราจะต่อสู้กับความตายได้อย่างไร ? และเราจะเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าในการจัดพิมพ์หนังสือฉือจี้แต่ละเล่มภายใต้ภาวะสมองเสื่อมได้อย่างไร ?

หรูจิงเองก็มีช่วงเวลาที่มืดมนและหมดหนทางในชีวิต ขอบพระคุณพระอาจารย์เหมยหยุ่น ที่ให้โอกาสข้าพเจ้าในการจัดตั้งคณะแปลภาษาสเปน ในขณะเดียวกันขอบพระคุณรุ่นพี่สือฉี ผู้ที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง คอยให้กำลังใจข้าพเจ้าว่า “ถึงจะเป็นผู้พิการ แต่ก็ไม่ไร้ประโยชน์”ทำให้ผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมถอยอย่างข้าพเจ้าเกิดพลังแห่งความกล้าหาญ ในช่วง 10 ปีหลังจากนี้ หากมีวันใดวันหนึ่งหรูจิงมีอาการโง่เขลา และไม่รับรู้ขึ้นมาจริงๆ ข้าพเจ้าจะกำชับให้ทุกคนในครอบครัวช่วยสวมเสื้อท้องฟ้าสีครามเมฆสีขาวบ่อย ๆ ซึ่งเป็นเสื้อที่หรูจิงชอบมากที่สุด เพื่อเป็นการเตือนตัวเองเสมอว่า“เราคือชาวฉือจี้”

การบรรยายสรุปเรื่อง “จงหัวเราะและเต้นรำให้สนุกสนานอย่างเต็มที่ไปกับเกลียวคลื่น” ถูกนำเสนอถึง 3 ครั้ง และจนถึงเรื่องเกี่ยวกับเกาสงข้าพเจ้าอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา คงเป็นเพราะข้าพเจ้าได้พบครอบครัวของข้าพเจ้า ดังนั้นจึงอดใจไม่ไหวที่จะทำตัวเหมือนเด็ก และกระเง้ากระงอด ข้าพเจ้ารู้สึกขอบคุณครอบครัวที่มอบพลังความเข้มแข็งและคำอวยพรในอ้อมกอดอันอบอุ่นแก่ข้าพเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า หรูจิงจะต้องเขียน “เรื่องราวของฉือจี้ จนกว่าลมหายใจสุดท้ายของเธออย่างแน่นอน”

Like our articles?Welcome to join JSHeartLand.